กลุ่มไอซิส (ISIS) อ้างว่าพวกเขา "โจมตีงานชุมนุมขนาดใหญ่ ... บริเวณชานเมืองของกรุงมอสโกว์" ผ่านแถลงการณ์บนเทเลแกรม แอปพลิเคชั่นโซเชียลมีเดีย พวกเขาไม่ได้แสดงหลักฐานใด ๆ เพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้าง
มือปืนบุกโจมตี ครอคัส ซิตี้ ฮอลล์ ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของกรุงมอสโกว์ โดยกราดยิงใส่ฝูงชนและขว้างวัตถุระเบิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 คน และบาดเจ็บกว่า 145 คน
ในจำนวนผู้บาดเจ็บนั้น 115 คน ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล รวมถึงเด็ก 5 คน เจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยของรัสเซียกำลังเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุ แต่คาดว่าผู้ก่อเหตุ 3-4 คน "สวมชุดลายพรางสีเขียว" อาจหลบหนีไปด้วยรถยนต์สีขาว
ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือน สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงมอสโกว์ ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับการก่อวินาศกรรมที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นกรณีที่ไม่ค่อยพบเห็น โดยแนะนำให้พลเมืองสหรัฐฯ หลีกเลี่ยงการชุมนุมขนาดใหญ่ รวมถึงคอนเสิร์ต
ขณะนั้น รัฐบาลรัสเซียปฏิเสธคำเตือนดังกล่าว โดยมองว่าเป็น "การยั่วยุ" เพื่อหวังผลให้สังคมรัสเซียไร้เสถียรภาพ ผู้นำโลกต่างส่งสารแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์โจมตี
วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อสาธารณะเกี่ยวกับการโจมตีครั้งนี้ ถึงแม้โฆษกประจำตัวจะระบุว่าเขากำลังรับฟังรายงาน
การโจมตีครั้งนี้ ส่งผลให้คอนเสิร์ตฮอลล์เพลิงลุกโชนและหลังคาพังถล่ม นับเป็นเหตุการณ์รุนแรงที่สุดในรัสเซียในรอบหลายปี และเกิดขึ้นในช่วงที่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนย่างเข้าสู่ปีที่ 3
ยูเครนปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเหตุการณ์ดังกล่าว "เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ครอกัส ซิตี้ ในเขตชานเมืองรัสเซีย ... ขอให้ชัดเจนว่า ยูเครนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับเหตุการณ์เหล่านี้อย่างแน่นอน" Mykhailo Podolyak ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน กล่าวบนเทเลแกรม
แต่ทางมอสโกวโต้ตอบอย่างรวดเร็วว่า ยังเร็วเกินไปที่จะตัดประเด็นความเชื่อมโยงระหว่างยูเครนกับการโจมตีคอนเสิร์ตในมอสโกว์ เช่นเดียวกับสหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณออกมา "เจ้าหน้าที่ในวอชิงตันอาศัยหลักฐานอะไรถึงได้สรุปว่าใครบริสุทธิ์ ในช่วงเวลาที่เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้" กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าว
"หากสหรัฐฯ มีหรือเคยมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ย่อมต้องส่งต่อข้อมูลดังกล่าวไปยังฝั่งรัสเซียทันที และหากไม่มีข้อมูลดังกล่าว ทำเนียบขาวไม่มีสิทธิ์ที่จะออกใบรับรองความบริสุทธิ์ให้กับใครทั้งนั้น" กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวเสริม
ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย กล่าวว่า หากพบว่ายูเครนอยู่เบื้องหลังการโจมตี รัสเซียจะตามล่าและสังหารผู้ก่อเหตุ "หากมีการพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาเป็นผู้ก่อการร้ายของรัฐบาลเคียฟ ... พวกเขาทั้งหมดจะต้องถูกตามล่าและกำจัดอย่างเด็ดขาดในฐานะผู้ก่อการร้าย" เมดเวเดฟเขียนไว้ในโพสต์บนเทเลแกรม "ตัวแทนอย่างเป็นทางการของรัฐที่ก่ออาชญากรรมเช่นนี้" ก็จะถูกลงโทษด้วย เขากล่าวเพิ่มเติม
ระหว่างการแถลง
ในงานแถลงข่าวทำเนียบขาว โฆษกประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับยูเครน คร็อกคัส ซิตี้ ฮอลล์ เป็นคอนเสิร์ตฮอลล์ที่จุคนได้ 6,000 คน และมีกำหนดจัดคอนเสิร์ตวงพังค์ยุคโซเวียต ซึ่งเคยถูกแบนในยูเครน สื่อของรัฐรายงานว่า ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งติดอยู่ภายในอาคารหลังเกิดเหตุการณ์
วิดีโอหลายคลิปที่เผยแพร่โดยสื่อรัสเซียและช่องทางเทเลแกรม มีเสียงปืนดังต่อเนื่องเป็นชุด
คลิปวิดีโอหนึ่งแสดงให้เห็นชายสองคนถือไรเฟิล ยิงสุ่มสี่สุ่มห้าไปรอบๆ ขณะที่พวกเขากำลังเดินไปทั่วห้างสรรพสินค้า